น้ำหอมมาจากภาษาละติน Perfumare แปลว่า การรมควัน การปรุงน้ำหอมเป็นศิลปะแห่งการทำน้ำหอม เริ่มต้นขึ้นในเมโสโปเตเมียโบราณ อียิปต์ อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ น้ำหอมเป็นศิลปะที่แสดงเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล
การปรุงน้ำหอม เป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ หรือเรียกว่า เป็นส่วนผสมของศาสตร์และศิลป์ เป็นการผสมผสานน้ำมันหอมระเหย (สารที่สกัดได้จากวัตถุดิบต่างๆ เช่น ดอกกุหลาบและส้ม) หลากกลิ่นเข้าด้วยกัน ให้เกิดการทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ เราเรียกว่า Notes
Top notes คือกลิ่นแรกที่ลอยฟุ้งออกมา เป็นกลิ่นที่จะหอมอบอวลอยู่ประมาณ 15 นาที แล้วจะค่อยๆ จางหายไป มีไว้สำหรับสร้างความประทับใจต่อคนฉีดโดยเฉพาะ
Middle notes กลิ่นที่ตามออกมาหลังจากกลิ่น Top Note จางหายไป เป็นกลิ่นที่มีความสำคัญต่อน้ำหอมมากที่สุด เพราะกลิ่น Middle Note นี่แหละที่จะบอกว่าน้ำหอมขวดนี้มีเอกลักษณ์แบบไหน จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าน้ำหอมนั้น ออกแนวอะไร เช่น แนวสมุนไพร เครื่องเทศ ดอกไม้ ฯลฯ กลิ่นที่จะหอมอบอวลอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง
Base notes กลิ่นที่จะอยู่กับตัวเรานานที่สุดซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมที่ระเหยยาก และเป็นกลิ่นที่จะผสมกับตัวเราจนเกิดเป็นกลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัว กลิ่นนี้จะอยู่ได้ราวๆ 4 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นส่วนเสริมแต่งกลิ่น middle notes ให้ยิ่งโดดเด่น และถือว่าเป็นกลิ่นฐานหลักของน้ำหอม